[FIC SJ] 2WOON "YOUR SMILE Is MINE" - [FIC SJ] 2WOON "YOUR SMILE Is MINE" นิยาย [FIC SJ] 2WOON "YOUR SMILE Is MINE" : Dek-D.com - Writer

    [FIC SJ] 2WOON "YOUR SMILE Is MINE"

    YS SAY นายมันก็คิดได้แค่นี้แหล่ะ เมื่อไหร่จะหายโง่ซักที ไอหมีบ้า KI SAY ก็แค่คนหน้าหมี สมองหมี แต่หมีตัวนี้ก็รักนายคนเดียวนะ

    ผู้เข้าชมรวม

    270

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    270

    ความคิดเห็น


    3

    คนติดตาม


    5
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  26 ธ.ค. 56 / 17:28 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

                      บรรยากาศยามเช้าภายในหอพักของวงไอดอลชื่อดังระดับโลก ดูจะวุ่นวายกันจนกลายเป็นเรื่องปกติประจำวันหากแต่ไม่ใช่วันนี้ วันที่เยซองจะออกไปเดทกับคังอินหลังจากที่ต่างคนต่างวุ่นกับการทำงานโปรโมทอัลบั้มล่าสุดจนไม่มีเวลาได้พูดคุยกัน วันนี้เป็นวันที่ดีวันหนึ่งเพราะไม่มีใครอยู่ในหอเลยนอกจากพวกเขาสองคน

                      ชินดงยังไม่กลับจากการดูแลผับของเขากับเพื่อนๆ

                      ฮยอกแจและทงเฮออกไปเตรียมตัวสำหรับอัลบั้มใหม่ของเอสเจเอ็ม

                      ซองมินและรยอวุคออกไปถ่ายรายการและยาวไปจนถึงจัดรายการวิทยุกว่าจะกลับก็คงดึก

                      ส่วนน้องเล็กคยูฮยอนนั้นมีแสดงละครเวทีเลยไม่ได้กลับหอตั้งแต่เมื่อคืน     

                      ทั้งหอจึงเหลือแค่พวกเขาสองคนเท่านั้นที่ไม่มีตารางงานอะไร ร่างสูงเดินไปเคาะประตูห้องอีกคนแต่เสียงก็ยังเงียบอยู่ ไม่ว่าจะเคาะกี่ครั้งก็แล้วแต่ จึงเปิดประตูเข้าไปเผื่อว่าคนตัวเล็กของเขาจะเป็นอะไรหรือเปล่า เพราะปกติเวลานัดอะไรเยซองจะรักษาเวลาเสมอ

                      แต่ไม่ทันจะได้ก้าวเข้าไปในห้องเต็มตัว หมอนสีขาวใบใหญ่ก็กระแทกเข้าหน้าอย่างจัง เขาผงะ แล้วหันไปมองอีกคนด้วยความสงสัย

                      “ใครอนุญาตให้นายเข้ามา”

                      “ก็นึกว่านายเป็นอะไร ฉันเลยจะเข้ามาดู” เขามองไปทางคนตัวเล็กกว่า เส้นผมสีชมพูเหมือนสายไหมรสหวาน คิ้วขมวด ตาคมมองตรงมาที่เขาอย่างเอาเรื่อง เสื้อฮู้ดสีดำตัวโคร่งทำให้คนตัวเล็กดูจะน่ารักขึ้นไปอีก

                      “ไปกันได้แล้ว” มือเล็กคว้าเอาหมวกมาสวมและหยิบแว่นดำติดมือขึ้นมาก่อนที่จะลากคนตัวใหญ่ออกมาจากห้องตัวเอง

       

                      ทั้งสองคนเลือกที่จะเดินไปเรื่อยๆ มากกว่าที่จะเอารถออกมา พวกเขาต่างนึกถึงสมัยที่ยังเป็นเด็กฝึกหัดกันอยู่ ตอนนั้นพวกเขาทะเลาะกันทุกวัน ต่างคนต่างเล่นกันแรงๆ จนมีเรื่องจนต้องโดนทำโทษกัน แต่ก็ยังไม่รู้จักเข็ด จนได้มาเป็นซูปเปอร์จูเนียร์จนถึงทุกวันนี้

                      “เยซองนายจำตอนที่เราทะเลาะกันเพราะเรื่องไอติมได้ไหม” ร่างสูงเอ่ยขึ้น เขาจำได้ว่าเรื่องนี้ทำให้ไม่คุยกันไปเป็นเดือนๆ เลยทีเดียว

                      “จำได้แม่นเลยล่ะ ก็มันเป็นเพราะนายนิ !” คนตัวเล็กมุ้ยหน้าใส่

                      “ก็แค่ไอติมร่วงเพราะฉันวิ่งไปชนเองทำไมนายต้องโกรธอะไรขนาดนั้นล่ะ”

                      “สาวสวยอย่างโบอาเลี้ยงฉันเชียวนะ นายไม่เข้าใจหรือไง”

                      “แต่ไอติมแค่นี้ฉันซื้อให้นายใหม่ก็ได้นี่น่า”

                      “ชิ นายเคยเข้าใจอะไรบ้างไหม เลิกเอาสมองหมีของนายคิดได้แล้ว !

                      “โอเคๆ งั้นเราไปกินไอติมกัน” เขาหันไปชวนคนตัวเล็กที่กำลังจะอารมณ์เสียกับเรื่องเก่าๆ อีกครั้ง

                      “เดี๋ยวซิ อากาศเย็นๆ แบบนี้เนี่ยนะ นายจะบ้าไปแล้วหรือไง”

                      “ระลึกถึงเรื่องไอติมอีกเรื่องไง” คนร่างสูงยิ้มเจ้าเล่ห์กระซิบข้างหูเบาๆ ทำเอาคนตัวเล็กกว่าก้มหน้างุดซ้อนใบหน้าที่กำลังแดงเรื่อเมื่อนึกถึงเรื่องไอติมอีกเรื่อง มันเป็นเหตุการณ์เมื่อหลังจากนี้ราวๆ สามเดือนได้

       

       

      “พี่จงอุลค่ะ ไปกินไอติมกันไหม ฉันเลี้ยงเองนะ ฉลองกันไง” เด็กสาวที่ได้รับฉายาว่าเป็นสาวน้อยมหัศจรรย์ โบอา ถึงจะอายุน้อยกว่าเขาแต่เธอก็ได้เดบิวต์แล้ว ด้วยความสามารถและความพยายามของเธอในการเดินตามฝัน และในครั้งนี้เธอได้คัมแบ็คกลับมาอีกครั้ง เลยมาชวนจงอุลไปกินไอติม เพราะจงอุลคือพี่ชายที่เธอสนิทด้วยที่สุด และคอยสอนเธอในเรื่องร้องเพลง

      “จะดีหรอ ถ้าเธอจะมาเดินกับเด็กฝึกหัดแบบฉัน”

      “พี่เป็นพี่ชายของฉัน และเป็นครูฝึกของฉันด้วยนี่น่า ที่ฉันร้องเพลงได้เพราะ ก็เพราะพี่นั่นแหล่ะ” ตอนนั้นทำเอาผมอายแก้มแดงไปเลยล่ะ โบอาในช่วงนั้นเป็นสาวน้อยน่ารักมากความสามารถ แต่เธอมักจะถ่อมตัวและมาหาเขาให้สอนร้องเพลงอยู่เสมอ

      “เอางั้นก็ได้ ขอบใจนะ” เธอได้แต่ส่งยิ้มให้ผม แล้วลากผมไปที่ร้านไอติมเล็กๆ ในย่านนั้น คนไม่ค่อยพลุพล่านเท่าไหร่ เด็กฝึกหัดและศิลปินในค่ายจึงเลือกที่จะมาที่นี่กัน

      “เอาสตรอว์เบอร์รีสองที่ค่ะ” เธอสั่งคุณลุงเสียงใส

      “จงอุล โบอา ลุงคิดถึงพวกเธอจังเลย คงซ้อมกันหนักซินะ”

      “ใช่เลยค่ะ คุณลุงอย่าลืมซื้ออัลบั้มของหนูนะคะ แล้วหนูจะมาให้ลายเซ็นนะคะ”

      “แน่นอนอยู่แล้วสาวน้อย อ่ะได้แล้วล่ะ สตรอว์เบอร์รีสองลูก”

      “ขอบคุณค่ะ พี่จงอุล ไปกันเถอะ”

       

      누구라도 잘못 끼워버린 단추 하나처럼~

       

      “โบอา เสียงโทรศัพท์เธอมันดังอยู่น่ะ”

      “เอ้ะ ..แปปนะคะ” ผมยืนรอเธอได้ไม่นานเธอก็บอกว่ามีงานด่วนเข้ามาและรีบไปในทันที ในวันนั้นผมซ้อมร้องเพลงเสร็จแล้วเลยไม่มีอะไรต้องทำอีก เลยเดินกลับเข้าไปเอาของในบริษัทและจะตรงดิ่งกลับบ้านทันที ในขณะที่ผมเดินเข้าไปอยู่ๆ ก็มีหมีตัวใหญ่วิ่งชนผมไปอย่างรวดเร็ว จนไอติมในมือตก ..นี่มันไอติมที่โบอาซื้อให้เลยนะเว้ย ไอยองอุล!

      “ไอบ้ายองอุลแกชนฉัน จะรีบไปตายที่ไหนว่ะ !

      “เฮ้ย นั้นแกใช้ปากพูดหรอว่ะ พูดงี้มาต่อยกันเลยม่ะ”

      “คิดว่าฉันจะกลัวแกหรือไง” และหลังจากนั้นพวกเราสองคนก็มีเรื่องกัน จนต้องโดนทำโทษอย่างหนัก

       

       

      ผ่านไปสามเดือน ..ยองอุลถึงกลับมาง้อ เพราะหากฝ่ายที่ผิดไม่สำนึก ทั้งสองจะไม่ได้ออกมาเดบิ้วต์ ถึงยองอุลจะยึดถือในศักดิ์ศรีก็ตาม และเรื่องของอนาคตของทั้งสองคนก็ไม่น่าจะมาจบด้วยเรื่องของไอติมเพียงเรื่องเดียว แต่ต้องขอทำใจก่อนล่ะนะ

      เขาเดินถือไอติมรสสตรอว์เบอร์รีที่จงอุลชอบ และเดินเข้าไปหาในห้องซ้อมเต้น ตอนนั้นคนตัวเล็กกำลังนั่งพักอยู่ เพราะการเต้นไม่ใช่เรื่องที่จงอุลถนัดนัก เขาจึงเหนื่อยเร็วมากกว่าการที่เขาออกไปหาเรื่องชกต่อยกับคนอื่นซะอีก

      “จงอุล ฉันมาขอโทษนาย” ตาเรียวหันกลับมาพร้อมกับสายตาจิกกัด เขาเจอแบบนี้มาตั้งแต่ตอนที่เราทะเลาะกันครั้งนั้น ผมรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ศักดิ์ศรีมันค้ำคออยู่นี่น่า จนสุดท้ายผมก็ยอมแพ้มันไป

      “นี่ไอติมที่นายชอบเลยนะ”

      “แล้วไงล่ะ” พูดจบคนตัวเล็กก็ลุกขึ้นเดินหนี เขาเลยต้องวิ่งไปกั้นทางไว้

      “นายหายโกรธฉันเถอะนะ เนี่ยไอติมจะละลายหมดแล้ว น่านะ”

      “....” เป็นเพราะอีกคนได้แต่เงียบหรือเปล่า มันทำให้เส้นความอดทนของเขาขาดดังผึ่ง ! อยู่ๆ เขาก็ดันให้หลังของคนตัวเล็กไปชิดกับกำแพงมุมห้องและใช้มืออีกข้างนึ่งกั้นไว้

      “นายจะทำบ้าอะไรเนี่ยห้ะไอหมี!

      “ก็ทำให้นายหายโกรธซักทีไง” พูดจบเขาก็กัดไอติมไปคำนึ่งก่อนที่จะประกบลงปากบาง รสชาติของไอติมรสสตรอว์เบอร์รีหรือรสชาติของปากบางคนตรงหน้านี้กันแน่ที่ทำให้เขารู้สึกหวานแต่ไม่เลี่ยน ทั้งๆ ที่เขาไม่ชอบเลยจริงๆ กับไอติมที่เหมือนผู้หญิงนี่

       

      และเรื่องราวต่อจากนี้ ..

       

       

       

                      หลังจากที่ทั้งสองพูดจบก็ได้เดินมาเรื่อยๆ จนถึงร้านไอติมติดริมถนนใหญ่ที่มีคนต่อคิวเป็นแถวยาว เป็นร้านที่กำลังได้รับความนิยมในขณะนี้ เพราะลูกเล่นที่ใส่เพิ่มเติมในไอติมนั้นดึงดูความสนใจให้กับผู้พบเห็นเป็นอย่างมาก

                      “เราไม่ได้มากินที่นานแล้วเนอะ เปลี่ยนไปตั้งเยอะแหน่ะ” คนตัวเล็กมองไปมารอบๆ ร้าน ตอนนี้ก็ใกล้คริสต์มาสแล้ว ทางร้านจึงตกแต่งภายในร้านให้มีกลิ่นอายวันแห่งความสุข มีต้นสนต้นเล็กๆ ประดับไปตามมุมต่างๆ หรีดวงกลมน้อยใหญ่ติดตามกำแพง เส้นสายรุ่งหลากสีถูกโยงระยางติดตามที่ต่างๆ เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศมากขึ้น

                      “นั้นซินะ” อีกฝ่ายได้แต่พยักหน้าเห็นด้วย

                      “แต่ฉันว่าคนในร้านเริ่มมองพวกเรากันแปลกๆ นะ เขาจะต้องรู้แน่เลยว่าเราเป็นใคร”

                      “หัวนายมันเด่นไปไงจงอุล”

                      “ฉันอุตส่าห์ใส่หมวกมานะ ยังปิดไม่หมดอีกหรอ” เยซองได้แต่กังวลแต่เขาอยากจะทำสีชมพูนี่ให้นานกว่านี้อีกหน่อยนี่

                      “หัวอย่างกับสายไหมตอนนี้ก็มีแต่นายคนเดียวแหล่ะที่ทำมัน” เขาได้แต่ยิ้มพรางหัวเราะเบาๆ แต่ก็ต้องหยุดเมื่อพนักงานสาวน่าตาน่ารักแต่ตัวด้วยชุดซานตี้สีแดงเดินเข้ามา แล้วยื่นเมนูให้กับคนทั้งสอง

                      “ยินดีต้อนรับค่ะ ตอนนี้มีเมนูพิเศษสำหรับคู่รักด้วยนะคะ สนใจไหมเอ่ย” พนักงานสาวได้แต่ยิ้มส่งให้ทั้งสองคน

                      “เห๋..ผมกับเขาไม่ใช่นะ” คนตัวเล็กปฏิเสธทันควัน จะให้มานั่งกินไอติมคู่รักต่อหน้าผู้คนเนี่ยนะ

                      “เอาชุดนี้แหล่ะครับ”

                      “คิมยองอุล !!

                      “อย่าเสียงดังไปน่า อยากให้เขารู้ว่าเป็นพวกเราหรือไง” คังอินกระซิบบอกแล้วหันไปย้ำกับพนักงานสาวอีกครั้งพร้อมกับยิ้มตาปิด

                      “นายมันเอาแต่ใจ”

                      “นายช้าเองตังหาก” พูดจบก็เอื้อมมือไปยีหัวเล็กที่ยังสวมหมวกอยู่เบาๆ

                      "เดี๋ยวหมวกหลุดน่า" คนตัวเล็กปัดมืออีกคนอย่างรำคาญ

       

                      "ไอติมคู่รักมาแล้วค่า ขอให้สนุกกับการรับประทานนะคะ!" สาวน้อยคนเดิมยิ้มแย้มให้ทั้งสองก่อนเดินจากไปทำหน้าที่ของตนต่อ

                      "เอาจนได้ซินะ เฮ้ออออ.."

                      "มากินกันเถอะน่า ดูซิน่ารักออก" คังอินดูจะตื่นเต้นกับสิ่งตรงหน้าไม่น้อย เขารู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นหลังจากเจอเรื่องราวมากมาย ถึงจะทำผิดและตัวเขาก็สำนึกผิด แต่ถ้าหากแฟนคลับไม่ยอมให้อภัยเขาก็กลับมาตรงนี้ไม่ได้ ..และถ้าไม่มีเยซองเขาก็อาจจะไม่ได้กลับมายืนตรงนี้อีกครั้งได้อย่างเข้มแข็ง

                      แต่เขาก็ต้องตกใจ...

                      "เอา..อ้าปากซิ" ถึงหน้าตาของเยซองจะดูเหมือนไม่เต็มใจ แต่ใครจะรู้ดีไปกว่าตัวของคังอินและเยซองเอง ว่าในใจไม่ได้เป็นอย่างที่เห็น

                      เขาอ้าปากกว้างเป็นเด็กๆ ยิ้มตาหยีแล้วงับช้อนเบาๆ สร้างความน่าหมั่นไส้ให้กับเยซอง แต่...ก็น่ารักดีนะ

                      "อย่าทำตัวเป็นหมีอดอยากได้ไหม หน้านายมันน่าหมั่นไส้ชะมัด"

                      "ฮ่าๆ ตานายแล้ว" คังอินยิ้มแล้วตักไอติมจ่อไว้ที่ปากอีกคน คนตัวเล็กทำหน้าสงสัยพลางชี้หน้าตัวเอง

                      "เร็วซิ" เยซองได้แต่อ้าปากงับช้อน วันนี้ทำไมเขาดูจะใจอ่อนเป็นพิเศษกันนะ..

                      "เลอะแล้วกินยังไงของนายเนี่ย" คนตัวโตกว่าเอื้อมมือไปเช็ดมุมปากอีกคนเบาๆ

                      "กะ ก็เพราะนายป้อนไม่ดีไงเล่า!" คนตัวเล็กได้แต่ก้มหน้างุด ความเงียบเข้ามาให้เยซองรู้สึกอึดอัดยิ่งขึ้น แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ได้รู้เรื่องเลย ได้แต่ยิ้มตาปิดตักไอติมกินอย่างอารมณ์ดี

                      "ทำไมนายไม่กินล่ะ อร่อยดีออกนะ"

                      "นายนี่มัน..สมองหมีจริงๆ.."

                      "นายว่าอะไรนะ"

                      "ช่างมันเถอะรีบๆตักมันเข้าปากได้แล้วไม่อยากไปที่อื่นต่อหรือไง"

                      "นั้นซิน้า จะไปไหนกันต่อดี ห้องน้ำดีม่ะ?" คังอินยิ้มเจ้าเล่ห์ใส่

                      "จะไปทำบ้าอะไรในห้องน้ำห้ะไอหมีบ้า!"

                      "จุ๊ๆ อย่าเสียงดังซิ ไม่อายหรือไง ถ้าเกิดมีใครรู้ว่าไอดอลชื่อดัง.."

                      "พอๆกินไปเงียบๆเลยไป!"

                      “นายนี่มันน่ารักจริงๆ”

                      “หยุดพูดแล้วรีบกินได้แล้วน่า!

                     

                      “ฉันอยากไปสวนสนุกจัง” อยู่ๆคังอินก็พูดขึ้น หลังจากที่เรากินไอติมเสร็จแล้ว ก็เดินออกมาเรื่อยๆ อากาศวันนี้เย็นสบายถึงจะต้องใส่เสื้อหนาซักหน่อยแต่ก็ถือว่าเป็นอากาศที่ดี

                      แต่จะให้ไปสวนสนุกตอนนี้เนี่ยนะ คงต้องนั่งรถไฟฟ้าต่อไปอีกหลายสถานีเลยล่ะ แต่ก็เอาเถอะในเมื่อเขาอยากจะไปผมก็ไม่ห้ามหรอก ใช่ว่าเวลาว่างพวกเราจะมีมากซักหน่อย

                      “ก็ไปกันซิ ..ไปถ่ายรูปเก็บไว้กันซักหน่อยก็ดี” ผมพูดออกไป จะว่าไปรูปคู่ใหม่ๆของพวกเราก็ไม่ค่อยมีซะด้วยแหะ หรือวาผมมัวแค่เซลก้าตัวเอง ก็ไม่นี่น่าเดือนก่อนนู้นก็เพิ่งถ่ายคู่กันพร้อมแว่นรุ่นใหม่ที่เอามาให้ลองนี่

                      “เมื่อกี้นายว่าไงนะจงอุล” ผมพูดอะไรผิดไปหรือไง ทำไมไอหน้าหมีนี่ต้องทำหน้าตกใจด้วยล่ะ

                      “ฉันพูดอะไรผิดหรือไง”

                      “คิดว่า..คงไม่หรอกมั้งฉันคงคิดไปเอง” คังอินได้แต่พึมพำกับตัวเอง ผมมองอีกฝ่ายงงๆ

                      “เอ่อ..ไปกันเถอะ ช่างที่ฉันพูดเถอะน่า”

                      “อะไรของนายกันเนี่ย”

                      “วันนี้นายไม่เข้าร้านหรือไง” อ่า..นั้นซินะวันนี้ผมกะว่าจะเข้าไปร้าน Mouse Rabbit ซักหน่อย แต่ก็ไม่ได้คิดจะเข้าหัววันซักหน่อย ยังเหลือเวลาอีกตั้งเยอะ

                      “ฉันจะเข้าร้านตอนหัวค่ำน่ะ”

                      “งั้นซินะ” คนตัวสูงได้แต่พยักหน้าตอบรับเข้าใจ

       

                      ระหว่างที่เดินๆอยู่ ผมนึกอยากจะไปสวนสนุกขึ้นมา นึกขึ้นได้ว่าไม่ได้ไปนานแล้ว แต่ไม่คิดจะไปเล่นเครื่องเล่นอะไรหรอก แค่อยากจะไปเดินเล่นเก็บบรรยากาศก็เท่านั้น

                      ผมเลยลองพูดลอยๆ คิดว่าอีกคนคงไม่เห็นด้วยหรอก เพราะยังไงวันนี้เจ้าตัวก็อยากจะเข้าร้าน ถึงแม้จะเป็นวันที่มาเดทกับผมก็เถอะ ก็เขาน่ะรักครอบครัวของเขาจะตาย

                      “ก็ไปกันซิ ..ไปถ่ายรูปเก็บไว้กันซักหน่อยก็ดี” ผมหันควั่บไปมองหน้าอีกคน ผมจ้องเขาด้วยความสงสัย อะไรมันจะง่ายดายขนาดนี้ว่ะ ปกติปฏิเสธแล้วปฏิเสธอีก แถมชวนไปถ่ายรูปอีก...

                      “เมื่อกี้นายว่าไงนะจงอุล” ผมถามกับไปเพื่อความแน่ใจว่าผมไม่ได้หูฝาดไป

                      “ฉันพูดอะไรผิดหรือไง” คนตัวเล็กหันกลับมาถามด้วยความสงสัย

                      “คิดว่า..คงไม่หรอกมั้งฉันคงคิดไปเอง” ผมได้แต่พึมพำกับตัวเอง แปลกแหะ ผมว่ามันแปลกมากๆเลยล่ะ ปกติจะร้องไปร้านแง่วๆเป็นลูกแมวอย่างเดียวเลย

                      “เอ่อ..ไปกันเถอะ ช่างที่ฉันพูดเถอะน่า”

                      “อะไรของนายกันเนี่ย”

                      “วันนี้นายไม่เข้าร้านหรือไง” ในที่สุดผมก็ถามออกไป ยังไงๆผมก็อดสงสัยไม่ได้อยู่ดี

                      “ฉันจะเข้าร้านตอนหัวค่ำน่ะ”

                      “งั้นซินะ” ผมเข้าใจแล้วล่ะ เพราะอย่างนี้ซินะ น่ารักจริงๆเลย แฟนใครก็ไม่รู้ วันนี้เป็นวันที่ผมมีความสุขอีกวันหนึ่งเลยล่ะ

       

                      ในที่สุดผมก็มาถึงที่สวนสนุกก็อย่างว่าแหล่ะครับ พอใกล้ถึงเทศกาล สถานที่พวกนี้มักจะดึงดูดผู้คนเสมอ ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวที่มีลูกเล็กๆ เพื่อนฝูงหรือคู่รัก

                      “เฮ้ นายดูนี่ซิจงอุล มีซุ้มระฆังอันใหญ่มากเลยอ่ะ ไปถ่ายรูปกันเถอะ” ไอหน้าหมีนั่นทั้งลากทั้งจูงผม ทำตัวอย่างกับเด็กๆแหน่ะ นายนี่มันโตแต่ตัวหรือไงกันห้ะ

                      “ใจเย็นๆก็ได้น่า ไม่มีใครแย่งถ่ายหรอก”  อีกคนได้แต่หยิบไอโฟนเครื่องสีดำเงาวับขึ้นมาก่อนจะดึงตัวเขามาโอบไหล่แล้วชูเจ้าเครื่องทรงสี่เหลี่ยมขึ้นสูงแล้วกดถ่ายรัว ตาของคังอินยิ้มยีจนไม่เห็นลูกตาทำให้เขาดูคล้ายหมียิ้มมากขึ้น ดูท่าทางจะมีความสุขมาก ..พวกเราไม่ได้มาทำอะไรแบบนี้นานขนาดไหนแล้วนะ

                      “จงอุลนายยิ้มหน่อยซิยิ้มหวานๆน่ะ ไม่ต้องยิ้มแบบเซลก้าแบบที่นายชอบทำซิ อันนั้นนายเก็บไว้ให้เอลฟ์เลย อยู่กับฉันต้องยิ้มหวานๆเข้าใจไหม”

                      ไอหมีบ้านี่ ถึงผมจะก้นด่ามันในใจก็เถอะ แต่ผมก็ทำตามที่เขาต้องการ ผมฉีกยิ้มที่คิดว่าหวานที่สุดให้อีกฝ่าย อ่า..นี่ผมทำอะไรลงไปกันนะ

                      “น่ารักจัง !” ว่าแล้วคังอินก็กระโดดเข้าหอมแก้มเยซองฟอดใหญ่  ไอหมีบ้าบ้าบ้าบ้าบ้า แกทำอะไรในที่แบบนี้กันห้ะ ผมได้แต่ยินช็อคอยู่อย่างนั้น ถึงในใจคำด่ามันจะออกมามากมาย แต่..ผมก็พูดไม่ออกอยู่ดี

                      “ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ ไปถ่ายรูปกันต่อเถอะ” ดูเหมือนจะไม่ใช่หน้าตาเหมือนหมีแต่สมองก็หมีนะหมอนี่ ฮึยยยยย

       

                      แล้วผมก็โดนลากไปถ่ายรูปตรงนั้นตรงนี้ที พร้อมกับโดนแต๊ะอั๊งจากไอหน้าหมีนั่นเรื่อยๆ ให้ตายซิถ้าผมช้ำขึ้นมาผมจะไม่คุยกับมันสามชาติเลย !

       

                      สุดท้าย..มันก็เหนื่อยเป็น..ผมได้แต่ถอนหายใจ ถ่ายรูปวันนี้เอาไปเป็นอัลบั้มโฟโต้บุ๊คได้เลยล่ะมั้ง ให้ตายซิ.. พวกเราเลือกนั่งพักที่เก้าอี้ใกล้ๆกับลานน้ำพุกว้าง มาจนถึงตอนนี้..ทำไมอยู่ๆคังอินถึงเงียบไป แล้วความสงสัยนั้นก็จางหายไปเมื่อผมรู้สึกหนักที่ไหล่ ผมหันไปมองอีกฝ่าย ใบหน้ายามหลับของเขายังคงความหล่อไว้ ตายิ้มนั้นปิดสนิท กับรอยยิ้มน้อยๆบนมุมปาก เหนื่อยจนหลับ...ยังไงคังอินก็ยังเป็นคังอินที่ผมรู้จัก เป็นคนที่ผมรัก เป็นไอหมีบ้าที่ทำให้ผมยิ้มได้กับโมโหไปพร้อมๆกัน...

                      แต่ผมก็ชักเริ่มง่วงซะแล้วซิ พักซักงีบก่อนไปร้านจะดีกว่า ...หลังจากปิดปากหาวได้แค่แปปเดียว เขาก็เข้าสู่ห่วงนิททราไป...

       

                      ผมหลับไปนานเท่าไหร่แล้ว..ผมว่าผมหลับไปนานพอที่จะรู้สึกว่าปวดเมื่อยตามร่างกายนะ..แต่ไม่เป็นแบบนั้น เพราะว่าผมกำลังนอนหนุนตักของคังอินอยู่ ผมลืมตาเงยหน้ามองอีกคน ถึงแม้แสงตอนบ่ายแก่ๆจะแยงตาเขาทำให้ต้องกระพริบตาปริบๆ แต่เขาก็เห็นรอยยิ้มนั้นได้อย่างชัดเจน รอยยิ้มที่มักจะส่งมาให้อยู่เสมอ..

                      “ตื่นแล้วหรอ” เขาส่งยิ้มนั่นมาให้ผม ผมยันตัวลุกขึ้นมา สะบัดหัวไล่ความมึนนิดหน่อยก่อนจะตอบกลับมาเป็นเพียงแค่เสียง อื้มเบาๆ

                      “ตอนนี้บ่ายสามแล้ว เราไปหาอะไรกินกันดีกว่า เมื่อเช้าก็ได้กินแค่ไอติมเองนี่”

                      “นายหิวหรอ ออกไปตรงหน้าสถานีไหม มีร้านสะดวกซื้ออยู่ที่นั่นน่ะ” ผมออกความคิดเห็น ตอนนี้มันก็บ่ายมากแล้ว แต่เราเพิ่งกินได้แค่ไอติม ตลอนได้ทั้งวันโดยมีพลังงานแค่นั้นก็ถือว่าพวกผมถึกพอแล้วล่ะ แต่อีกฝ่ายได้แต่ยิ้มตาหยีแล้วก็ส่ายหน้า รอยยิ้มเจ้าเล่ห์แบบนั้นทำให้ผมไม่ไว้ใจเจ้าหมีตัวยักษ์นี้เลยจริงๆ

                      “ไม่ล่ะ ..ฉันว่าฉันมีอะไรที่ทำให้ฉันอิ่มได้มากกว่านี้นะ”

                      “หมายความว่าไง มีอะไรที่ทำให้นายอิ่มได้มากกว่าอาหารอีกหรือ”

                      “อื้ม ..ก็นายไงจงอุล สายไหมหวานๆ ทำให้ฉันอิ่มได้ทั้งวันเลยล่ะ” นี่มันพูดบ้าอะไรออกมากลางที่สาธารณะกันล่ะเนี่ย !

                      “นี่นายหิวจนตาลายเห็นฉันเป็นสายไหมหรือไงห้ะ!

                      “เปล่าซักหน่อย ก็แค่คิดถึงมาชเมลโล่นุ่มๆ ขาวๆ กับสายไหมหวานๆละมุนลื้น แค่นั้นเอง” อีกฝ่ายได้แต่ฉีกยิ้มไม่ไว้ใจให้ สัญญาณอันตรายสีแดงในหัวผมแจ้งเตือนตามจังหว่ะการเต้นของหัวใจ มันเหมือนกับตอนที่ผมซ้อมเต้นหนักๆ แต่นี่ไม่ใช่ ผมกำลังโดนไอคำสองง่ามนั่นของคังอินโจมตีเข้าต่างหาก !

                      “ถ้านายอยากกินมากนักนะ ฉันจะไปซื้อมาให้นายรออยู่ตรงนี้แล้วกัน” พูดจบผมก็ออกตัววิ่งออกจากที่ตรงนั้นทันที ใครมันจะไปอยู่ตรงนั้นได้นานล่ะ นี่มันยังแค่พูด หากผมยังอยู่ตรงนี้อีกนานมีหวังผมได้เสียตัวเป็นเมียหมีกลางที่สาธารณะ จนได้ออกข่าวหน้าหนึ่งว่า นักร้องนำวงชื่อดังอักษรย่อ SJ ที่ติดใจการเซลก้าเป็นชีวิตจิตใจ โดนหมีหื่นข่มขืนกลางสวนสนุก ถ้าเป็นแบบนั้นล่ะก็ ชีวิตการเป็นนักร้องยอดกตัญญูของผมดับแน่

                      ผมตรงดิ่งไปที่ร้านขายสายไหม อยากกินนักใช่ไหม ผมจะหามาให้กินทุกวันจนเอียนเลย จะได้ไม่คิดอะไรแผลงๆ แบบนั้นอีก

                      “ขอสายไหมสองไม้”

                      “ขอโทษฮะ เหลืออันเดียวแล้วล่ะ” เด็กหนุ่มเงยหน้าหันมามองก่อนจะส่งยิ้มให้ แต่เป็นรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความเสียดายที่มีของให้กับลูกค้าได้ไม่เพียงพอ

                      “อ่า ..ไม่เป็นไร งั้นขอไม้เดียวก็ได้” เหลือไม้เดียว ..ช่างเถอะ เพราะนี่ก็จะเย็นแล้ว คงไม่แปลกที่ของจะหมด

                      “ขอบคุณมากๆเลยฮะ เยซองฮยอง”

                      “อื้มมม ...ห้ะ!? นายรู้ด้วยหรอกว่าฉันเป็นใคร” ผมแทบจะกระโจนเข้าไปในร้านสายไหมเล็กๆ นั่น ถ้าไม่ติดอยู่ที่ว่า ที่วางของด้านหน้าจะกว้างเกินไป

                      “รู้ซิฮะ ผมน่ะแฟนคลับเชียวนะ ดูไม่ยากหรอก ยิ่งตอนนี้สีหัวฮยองเป็นแบบนี้ ดูออกง่ายจะตายไป ฮยองมาออกเดทล่ะซิ อยากให้ปิดเป็นความลับไหมฮะ ผมขอแค่ลายเซ็นฮยองเอง” เจ้าเด็กนี่..มันจะเจ้าเล่ห์แข่งกับไอหมีนั่นไปถึงไหนกัน

                      แต่ความคิดดีดีของผม อยู่ๆมันก็ผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ดเลยล่ะ หึหึ

                      “นี่ไอหนู อยากได้ลายเซ็นครบวงม่ะ ฉันมีอะไรให้นายช่วย” หึหึหึ ..เจ้าเด็กนี่ตาลุกวาวเลยล่ะ “อ่อ แล้วก็นะจะได้ไปดูคอนเสิร์ตฟรีๆ หน้าเวทีเลย สนใจไหม”

                      “สนฮะ !” ไอหมีอ้วนแกรู้จักฉันน้อยเกินไปซะแล้ว..

       

                      นี่ก็ผ่านไปเกือบสิบนาทีแล้วเมื่อไหร่เยซองจะมาซักที หายไปนานเกินไปหรือเปล่า.

                      “พี่ฮะๆ มีคนให้ผมเอาไอนี่มาให้” เด็กหนุ่มส่งสายไหมสีหวานให้ผม แล้วไอคนที่บอกว่าจะไปซื้อหายไปไหนแล้วล่ะ

                      “น้องแล้วคนที่ฝากมาให้น่ะหายไปไหนแล้ว”

                      “เขาบอกว่าสายแล้ว แล้วก็รีบไปเลยฮะ เห็นว่าจะไปร้านโมๆ อะไรซักอย่าง” เด็กน้อยได้แต่ทำหน้าตาใสซื่อใส่ เฮ้อ..ทำไมอยู่ๆถึงรีบไปโดยที่ทิ้งผมไว้ที่นี่เนี่ย ! หมีโกรธมากนะ หึ้ยยยยยยย ย

                      “ขอบใจมากไอน้อง เอานี้เงินค่าขนม”

                      “ขอบคุณมากๆเลยฮะ!” แล้วเด็กนั่นก็รีบวิ่งหายไปเข้ากลีบเมฆไป..

                      จงอุลนะจงอุล ..หายไปทิ้งฉันให้กลับคนเดียว ถ้าพ่อกลับไปนะ จะจับมัดไว้กับเตียงแล้วทำให้เจ็บหนักเลย คราวนี้นะจะไม่ยอมแล้วด้วย หมีงอน บู้วววว !

                      ผมได้แต่เดินเป็นหมีงอยออกจากสวนสนุก เดินแบบเรื่อยๆเอื่อยๆตามประสาหมีโดนทิ้ง ทำไมอ่ะ ก็โดนทิ้งอ่ะ จะงอแงไม่ได้หรือไง

                      ผมเดินมาจนกระทั้งถึงหน้าสถานี ..ผมผง่ะ รูปร่างที่คุ้นเคย สีผมที่เด่นชัด รอยยิ้มใต้กรอบแว่นนั่น นั่นมันเมียผมนี่ครับ !!

                      “ช้าจังเลยนะนาย ทำหน้าเหมือนหมีโดนทิ้งเลยอ่ะ ฮ่าๆ” คนตัวเล็กนั่นได้แต่หัวเราะ ซะใจมากเลยซินะถึงทำให้ผมกลายเป็นหมีกินผึ้งได้น่ะ ซะใจแล้วช่ายม้ายยยยยยยยยย

                      “นี่นายหลอกฉันหรือไงห้ะ”

                      “ใครว่าหลอก แค่จะดัดนิสัยคนหื่นต่างหาก” ผมจะหื่นก็หื่นแต่กับที่รักผมเท่านั่นแหล่ะ ..โถ่

                      “งั้นคืนนี้นายก็คงต้องร้องทั้งคืนจนลุกไปทำงานไม่ได้เลยแล้วกัน” ผมเห็นเยซองทำหน้าตกใจ หน้าขึ้นสีแดง เขาดูจะทำอะไรไม่ถูกเลยล่ะ

                      “ไอหมีบ้า แม่งโคตรหื่นเลยให้ตายซิ น่าจะปล่อยให้กลับคนเดียวไม่น่ารอเลย!

                      “ไม่รอหรอ ..งั้นก็คงต้องลงโทษกันหนักหน่อยแล้วกัน” ผมฉีกยิ้ม ถ้าใครหลายๆ คนเห็น ก็คงคิดว่าเป็นยิ้มที่น่ารัก โดยเฉพาะตายิ้มนี่ ..แต่กับอีกฝ่ายคงไม่ใช่ เขารู้ดี ยิ้มของ คิม ยองอุล คนนี้

                      “กลับเองไปเลยแล้วกัน !” คนตัวเล็กเดินหนี ใครจะยอมให้หนีกันล่ะ ผมวิ่งตามแล้วคว้าเอาเอวเล็กๆ มากอด หลังบางๆนั่นกระทบเข้ากับอกหนา อีกฝ่ายได้แต่ดิ้นขลุกขลักในอ้อมกอดของผม หึ ดิ้นไปเถอะครับ ดิ้นได้ดิ้นไป ยังไงคืนนี้ผมก็เอาคืนหนักอยู่ดี

                      “ปล่อยเลยนะไอหมี ไม่ปล่อยฉันจะแบนแก !!

       

       

       

                      “รักนายนะจงอุล” ผมก้มลงกระซิบข้างหูคนในอ้อมกอด ..ยังดีที่คนในสถานีไม่ค่อยมีแล้วในช่วงนี้ อีกฝ่ายหยุดดิ้นทันที คนตัวเล็กกว่าได้แต่ก้มหน้างุดใบหน้าหวานภายใต้ฮูทสีดำสนิท ผมรู้ดีกว่ามันกำลังแดงแข่งกับเสียงเต้นของหัวใจผม

                      “ฉันรักนายมากนะ ..เป็นของฉันคนเดียวนะ” เหมือนเวลากำลังจะหยุดไป ผมกอดเอวบางๆนั้นแน่น

                      “ฉันไม่อยากให้นายหายไป ..ตลอดระยะเวลาสองปีที่ไม่ได้มาเจอหน้านาย ฉันแทบจะขาดใจอยู่แล้ว คอยให้วันเวลาผ่านไปโดยเร็วที่สุด เพื่อจะได้มาเจอหน้านาย...”

                      “อย่าหายไปไหนอีกนะ..”

       

                      ผมได้ยินทุกคำพูดที่คังอินพูด..ผมก็รู้สึกอย่างที่เขารู้สึกเหมือนกัน ผมเงยหน้าสบเข้ากับตายิ้มนั่น ..ถึงเขากำลังยิ้ม แต่มักจะมีความหมายแฝงอยู่เสมอ ผมมักจะมองมันออกไม่ว่าเขาจะใช้รอยยิ้มปิดความรู้สึกใดๆก็ตาม

                      “ฉันก็รักนายยองอุล ห้ามนายใช้ตายิ้มแบบนั้น รอยยิ้มแบบนั้นกับใครทั้งนั้นนอกจากฉันคนเดียว ทุกสิ่งที่เป็นนาย เป็นของฉันทั้งหมด”

                      เราสองคนยิ้มให้กัน ผมใช้มือที่ว่างแกะมือหนาออกแล้วกุมมือไว้แน่น..

                      เราจะเดินจับมือกันไปอย่างนี้ ..ตลอดไป ไม่ว่าจะมีอุปสรรค์อะไรมาขวาง เราจะยังคงกุมมือกันแน่น และเดินจับมือกันไปอย่างนี้

       

       

       

       

       

                      จนกว่า ..

       

       

       

       

       

                      จะมีอะไรมาพรากเราจากกัน .. 

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×